วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

โรคอ้วนในสุนัข

โรคอ้วนในสุนัข

ในปัจจุบันผู้เลี้ยงสุนัขและแมวมักนิยมที่จะเลี้ยงสัตว์ของตัวเองด้วยอาหารสำเร็จรูป เพราะมีความสะดวก น่ากินอีกทั้งยังมีสารอาหารจำเป็นครบถ้วน แต่การเลือกชนิดของอาหารสำเร็จรูปผิดสูตร ผิดเวลาและผิดขนาดอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตในสัตว์เลี้ยง ถ้าท่านไม่มีความรู้และความเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
โรคอ้วน เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบบ่อยในสุนัขและแมว โดยเฉพาะในขณะช่วงอายุกลางวัยจะพบมากกว่าในช่วงเด็กหรือช่วงแก่
ความอ้วนคืออะไรและเกิดจากอะไร
ความอ้วนคือภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันที่เนื้อเยื่อไขมันมากเกินไป ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าน้ำหนักปกติ 15-20%
นอกจากนี้ความอ้วนทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูกและข้อต่างๆ เป็นต้น

ปัญหาพื้นฐานของความอ้วน มี 2 แบบ คือ
๑ การเพิ่มขนาดเซลไขมันในร่างกาย ( Hypertropic Obesity )
๒ การเพิ่มทั้งขนาดเซลและจำนวนของเซลไขมันในร่างกาย ( Hyperplastic Obesity)
ความอ้วนในสัตว์ที่เกิดจากสาเหตุ Hyperplastic Obesity จะเป็นการยากที่จะแก้ไขและมักเป็นปัญหาในระยะยาวต่อไป ดังนั้นในสัตว์ที่ได้รับอาหารมากเกินไป จะมีผลเพิ่มขนาดของเซลไขมันแต่จะไม่เพิ่มจำนวนเซล ดังนั้นการแก้ไขสูตรอาหารที่ให้กินจึงสามารถปรับลดน้ำหนักตัวได้

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ้วน
๑ ปัจจัยภายในร่างกาย ได้แก่อายุ เพศ ภาวะของระบบสืบพันธุ์ ความมีอยู่หรือความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในร่างกาย หรือความผิดปกติของต่อมใต้สมอง หรือภาวะทางพันธุกรรม
๒ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ อิทธิพลในการกินอาหาร ส่วนประกอบของอาหารที่กินอยู่ อาหารที่กินอยู่มีความน่าจะกินสูง กิจวัตรประจำวันของสัตว์ตัวนั้น
ส่วนมากแล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วนคือ การที่เจ้าของให้สัตว์กินอาหารมากเกินไป การขาดการออกกำลังกาย หรือทั้งสองอย่าง
ในส่วนของปัจจัยที่ทำให้อ้วนจากสาเหตุภายในร่างกาย เช่น 
•  การลดลงของการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ( Resting Metabolic Rate, RMR) 
•  ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อทำให้เกิดภาวะของ Hypothyroidism หรือ Hyperadrenocorticism 
•  ผลมาจากการทำหมัน โดยเฉพาะการทำหมันในช่วงอายุน้อย ระหว่างอายุ 6-12 เดือน 
•  ความแก่ สุนัขที่อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป จะลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 20% จากในวัยเด็ก ดังนั้นถ้าเรายังคงให้กินสูตรอาหารเช่นเดิม สุนัขจะมีไขมันสะสมมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนตามมา
•  สาเหตุทางพันธุกรรม ในสุนัขบางพันธุ์ เช่น คอกเกอร์ ลาบาดอร์ เทอร์เรีย มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนเมื่ออายุมากขึ้น ในขณะที่พันธุ์บอกเซอร์ ฟอก เทอร์เรีย ยอร์กเชีย เทอร์เรีย มีโอกาสน้อยที่จะอ้วน เป็นต้น 

การวินิจฉัย 
•  มีความจำเป็นที่จะต้องนำไปให้สัตวแพทย์ตรวจว่าสัตว์ของท่านอ้วนจริงๆ ไม่ใช่การเกิดภาวะบวมน้ำ หรือภาวะความผิดปกติของต่อมไร้ท่อต่างๆ โดยอาศัยผลการตรวจเลือดหรือการเอกเรย์ประกอบในการวินิจฉัย 
•  พิจารณาจาก Assessment of body condition เช่น Thin, underweight, Ideal, Overweight , Obese

ภาวะ Obese คือ ภาวะที่ไม่สามารถคลำพบกระดูกซี่โครงที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อและไขมันในบริเวณนั้น ไขมันที่สะสมสามารถเห็นได้ในบริเวณส่วนบั้นเอวหรือบริเวณโคนหาง ไม่สามารถเห็นส่วนโค้งในบริเวณเอว บริเวณหน้าท้องมักจะกางออกหรือขยายใหญ่

การแก้ไข
ในระยะสั้นคือการลดปริมาณไขมันในร่างกาย โดยการจำกัดปริมาณอาหารที่กินเข้าไป และการทำให้เกิดพลังงานในร่างกายให้เกิดการเผาผลาญมากขึ้น ส่วนในระยะยาวคือการควบคุมไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมน้ำหนักตัว
•  การควบคุมพฤติกรรมทั้งผู้เลี้ยงและตัวสัตว์ ( behavior modification ) เช่น การควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารในสัตว์ และโดยเจ้าของสัตว์โดยการลดจำนวนมื้ออาหาร และการลดปริมาณอาหารจากที่กินอยู่เดิม เป็นต้น
•  การควบคุมอาหาร ( Dietary modification ) เช่น การเลือกใช้อาหารในสูตรลดน้ำหนัก ( low- fat diets)
•  การออกกำลังกาย ( Exercise ) เช่น การว่ายน้ำ การจูงเดิน การปล่อยวิ่ง
สรุปการจัดการเมื่อพบว่าสัตว์เลี้ยงอ้วนเกินไป 
•  จัดโปรแกรมการควบคุมน้ำหนัก โดยกำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์ควรมีน้ำหนักที่ลดลงประมาณ 1-2% จากปกติ
•  เลือกชนิดของอาหารเหมาะสมที่จะใช้ในสูตรลดน้ำหนัก
•  ควบคุมการได้รับแคลอรี่ในร่างกาย ไม่เกิน 60-70% ของอัตราการเผาผลาญในร่างกายในระดับน้ำหนักตัวปัจจุบัน
•  งดขนมขบเคี้ยว เปลี่ยนปริมาณการให้อาหารมากเกินไปที่ทำให้อ้วน
•  เพิ่มโปรแกรมการออกกำลังกายในแต่ละวัน
•  หลังจากน้ำหนักตัวในร่างกายลดลง ให้ควบคุมน้ำหนักตัวต่อไปเพื่อไม่ให้เพิ่มขึ้นใหม่
•  ป้องกันการจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นใหม่ โดยให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมปริมาณ แคลอรี่อย่างเข้มงวด


บทความโดย : ร .ต.อ.สพ.ญ.อารยา ผลสุวรรณ์ 

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีการสอนขับถ่ายให้กับลูกสุนัข

วิธีการสอนขับถ่ายให้กับลูกสุนัข

          การสอนลูกสุนัขในการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทางด้วยตนเองได้ โดยการฝึกนิสัย ดังนี้

          1. หลังจากการกินอาหาร ดื่มน้ำ เล่น หรือตื่นนอน มักเป็นเวลาที่ลูกสุนัขถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ลูกสุนัขเล็กๆ อาจถ่ายทุก 2-3 ชั่วโมง

          2. เมื่อลูกสุนัขรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ มักจะดมกลิ่นบนพื้น บางตัวอาจดมพื้นแล้ววิ่งวนไปรอบๆ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะต้องรีบนำลูกสุนัขไปยังที่ที่จัดไว้ให้ลูกสุนัขถ่ายทันที

          3. วางลูกสุนัขลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นวัสดุที่ซึมซับได้ดี นอกจากนี้ ยังมีราคาถูกและหาได้ง่าย การเปลี่ยนกระดาษหนังสือพิมพ์ควรเหลือแผ่นเก่าไว้บ้าง เพื่อให้ลูกสุนัขจำกลิ่นและถ่ายที่เดิมอีก

          4. เมื่อลูกสุนัขขับถ่ายบนกระดาษแล้ว เจ้าของควรแสดงความชื่นชมสุนัข ถ้าสุนัขไปถ่ายบริเวณอื่น ก็ไม่ต้องลงโทษ หรือจับสุนัขไปดมสิ่งขับถ่ายที่อยู่บนพื้น

          นอกจากจากการฝึกอุปนิสัยการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทางแล้ว เราสามารถตรวจดูสุขภาพของสุนัขได้ เมื่อเก็บของเสียที่ถ่ายออกมา ดูว่ามีสีผิดปกติหรือไม่ ถ่ายเหลวไปหรือไม่ มีพยาธิหรือไม่ จากลักษณะที่บ่งบอกนี้จะช่วยให้เรารักษาอาการผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้สุนัขปลอดภัยจากโรคที่มีอาการร้ายแรงได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.lisaguru.com
http://pet.kapook.com

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลักษณะนิสัยของสุนัขบางแก้ว


     ๐  สุนัขบางแก้ว  มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ และเป็นจุดเด่นของสายพันธุ์ คือ การรักและกล้าที่จะปกป้องเจ้าของ การหวงถิ่นที่อยู่และสิ่งของ ซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยทราบและยอมรับกันดี มักนิยมหาซื้อบางแก้วไปเลี้ยงเพื่อใช้เฝ้าบ้าน เฝ้าสวนกันอย่างแพร่หลาย จากลักษณะนิสัยดังกล่าว นำมาซึ่งพฤติกรรมการแสดงออกของตัวสุนัขในการที่จะปกป้องรักษาสิ่งอันเป็นที่รักและเป็นสิ่งของของตัวเองไว้ มีการเห่ากรรโชกบุคคลแปลกหน้า เมื่อบุคคลนั้นเข้ามาในถิ่นของตน

     ๐  สุนัขบางแก้ว เป็นสุนัขที่ฉลาด เจ้าเล่ห์ ดื้อ สามารถที่จะตัดสินใจเอง และเป็นสุนัขที่มีความจำเป็นเลิศ เจ้าคิดเจ้าแค้น หากใครมาแกล้ง หรือตี เขาจะจำบุคคลนั้นไว้ และหาทางเอาคืน ดังนั้น หากเราจะทำโทษ เมื่อสุนัขทำผิด หรือทำสิ่งไม่ดี จึงไม่ควรตีเขาด้วยไม้ เพราะเขาจะจำว่า ไม้หรือคนที่ถือไม้ คือ คนที่จะมาทำร้าย เขาจะแสดงอาการหวาดกลัว และมีปฏิกิริยาต่อต้าน ก้าวร้าวต่อบุคคลนั้นทันที หากเราจะทำโทษสุนัข เพียงแค่เราตีเขาที่เบา ๆ ตรงสันจมูก ใช้น้ำเสียงเน้นหนัก ๆ ห้ามหรือบอก ว่า หยุด ห้ามทำ บอกย้ำ ๆ สัก 3-4 ครั้ง เขาก็จะจำได้ ในขณะเดียวกันเมื่อเขาทำดี หรือเชื่อฟังสิ่งที่เราบอก เราควรพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อ่อนโยน ชมเชย หรือให้รางวัล เพื่อเป็นการบอกว่า สิ่งที่เค้าทำนั้นเป็นสิ่งดี ทำได้ถูกต้อง สุนัขบางแก้วสามารถแยกและรับรู้ถึงลักษณะน้ำเสียงที่เจ้าของแสดงออกมาได้เป็นอย่างดีว่า น้ำเสียงนั้นเป็นการห้ามไม่ให้ทำ หรือเป็นการชมเชยว่าเป็นสิ่งดี ทำได้

    ๐  สุนัขบางแก้ว มีนิสัยร่าเริง ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ชอบขุดดิน ชอบเล่นน้ำ ชอบกัดแทะทำลายข้าวของ และต้นไม้ เราต้องรู้จักป้องกันและรักษาสิ่งของ ของเราไว้ให้พ้นจากความสามารถในการทำลายล้างของบางแก้ว การทำลายสิ่งของเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งทุกอย่างของสุนัข เมื่อมีสิ่งของใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ในถิ่น เขาจะต้องทำการสำรวจว่า คืออะไร ต้องกัด ต้องแทะ ถ้าผู้เลี้ยงไม่มีความเข้าใจและยอมรับในนิสัยข้อนี้ แล้วลงโทษสุนัขบางแก้วโดยการตีด้วยไม้แรง ๆ เพราะอารมณ์โกรธ อารมณ์เสียดายข้าวของที่เสียหาย ถ้าเจ้าของทำโทษสุนัขด้วยวิธีนี้บ่อย ๆ สุนัขจะรู้สึกตื่นกลัว และหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ทำให้แสดงอาการขู่ เห่า หรือกัด เมื่อมีคนเข้าใกล้เพราะหวาดกลัวที่จะถูกทำร้าย วิธีที่เหมาะสมสำหรับหยุดการทำลายล้างของบางแก้ว เราควรเลี้ยงสุนัขไว้ในกรง แล้วปล่อยเขาออกมาวิ่งเล่นเป็นเวลา พฤติกรรมการกัดแทะ ทำลายข้าวของ ของบางแก้วจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อบางแก้วอายุได้ประมาณ 2 ปี
    ๐  สุนัขบางแก้ว ขี้อิจฉา ชอบเรียกร้องความสนใจและขี้อ้อน ในกรณีที่เราเลี้ยงบางแก้วหลาย ๆ ตัว เราจะต้องแสดงความรัก ดูแลเอาใจใส่ทุกตัวเท่า ๆ กัน ห้ามแสดงออกกับตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษ บางแก้วฉลาดสามารถรับรู้ได้ถึงความเท่าเทียมกันที่เขาได้รับจากเจ้าของ ถ้าเราแสดงความลำเอียงเอาใจใส่ตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษ ตัวอื่น ๆ ที่เหลือก็จะส่งเสียงร้องเรียกโวยวาย และจะพยายามแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ

     ๐  สุนัขบางแก้ว ชอบกัด และ ทะเลาะกัน โดยเฉพาะในเพศเดียวกัน เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำและจัดลำดับชั้นในฝูง บางครั้งกัดกันแทบเป็นแทบตายหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมแพ้ เจ้าของต้องรู้จักวิธีการห้ามปราม และควบคุมพฤติกรรมเหล่านี้ด้วยการแสดงถึงความเป็นจ่าฝูงของตัวเองให้สุนัขทุกตัวได้รับรู้  เมื่อบางแก้วรับรู้ถึงการมีจ่าฝูงที่แท้จริงแล้ว พฤติกรรมการแย่งชิงก็จะหมดไป และอยู่ร่วมกันได้โดยมีเจ้าของเป็นผู้นำ

          ลักษณะนิสัยเหล่านี้ เป็นลักษณะนิสัยพื้นฐานของสุนัขบางแก้ว ที่จะพบเจอได้ทั่วๆ ไป ฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจเลี้ยงสุนัขบางแก้ว เราควรศึกษานิสัยของสุนัขพันธุ์นี้ให้ดีเสียก่อน ในสุนัขบางแก้วตัวหนึ่งๆ นั้นจะมีทั้งด้านนิสัยที่ดีและไม่ดี ดังนั้นหากเราศึกษาและเข้าใจวิธีการเลี้ยงที่ดีและถูกต้อง รู้จักวิธีการป้องกันไม่ให้เขาแสดงนิสัยที่ไม่ดี เลี้ยงเขาด้วยความรัก และเอาใจใส่ เขาก็เป็นมิตรแท้ที่ซื่อสัตย์น่ารักและสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวเราได้อย่างมีความสุข

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พุดเดิ้ล สุนัข แสนฉลาด


                                                        พุดเดิ้ล (poodle)

สุนัข พุดเดิ้ล ได้ชื่อว่าเป็น สุนัข ที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลก และขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทนไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พุดเดิ้ล สายพันธุ์นิยมเลี้ยงกันคือ พุดเดิ้ลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลายๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สดใสมีชีวิตชีวา มีนิสัยรักสวยรักงาม ชอบเสริมสวย ชอบเที่ยว และเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้เร็ว
          พุดเดิ้ล (Poodle) มีถิ่นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนีตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 แต่ไม่สามารถสรุปแน่ชัดว่าต้นกำเนิดจริงๆ เป็นประเทศเยอรมนีหรือประเทศฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ประเทศต่างนิยมเลี้ยง พุดเดิ้ล ไว้เพื่อใช้งาน "เก็บของในน้ำ" เหมือนกัน ซึ่งนั่นก็คือ "นกเป็ดน้ำ" ที่ชาวไร่ชาวนายิงได้

          ในประเทศเยอรมนี พุดเดิ้ล ถูกเรียกว่า "Pudel" หรือ "Pudelin" ซึ่งแปลว่า "กระโดดน้ำ" (สันนิษฐานกันว่าชื่อ Poodle ในภาษาอังกฤษที่เราเรียกกันนั้นก็น่าจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า Pudel หรือ Pudelin ส่วนในประเทศฝรั่งเศส พุดเดิ้ลเป็นที่นิยมอย่างสูงมากจนได้การยกย่องให้เป็นสุนัขประจำชาติ ที่นี่...พวกมันมีฉายาว่า "Caniche" ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก "chien canard" แปลว่า "สุนัขล่าเป็ด"

          และเนื่องจากถูกเลี้ยงไว้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการใช้งาน การตัดขนของ พุดเดิ้ล ในสมัยแรกๆ จึงถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการว่ายน้ำเป็นหลัก ไม่เน้นไปที่ความสวยงาม แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่าฝรั่งเศสนั้นเป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นและศิลปะนานาชนิด ในเวลาต่อมาการตัดแต่งทรงขนของ พุดเดิ้ล จึงได้เกิดการพัฒนาเป็นทรงต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้ สุนัข พุดเดิ้ล น่าหลงใหลมากขึ้นเป็นทวีคูณ
 ลักษณะสายพันธุ์ สุนัข พุดเดิ้ล

          พุดเดิ้ล ถูกจัดอยู่กลุ่ม สุนัข ที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non sporting Group) เป็นสุนัขประเภทสวยงาม ปากเรียวยาว ดวงตากลมโต หูห้อยลงมาปิดแก้ม ขนดกและหยิกชนิดติดหนัง ขนสั้นและเงางาม ขนค่อนข้างละเอียด เรียบ หยาบเล็กน้อยและไม่มีขนปุกปุย สีขนมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ มีขนสีขาวแต้มบริเวณหน้าอกเรียกว่า สตาร์ ข้อเท้า และปลายหาง อาจจะมีจุดสีขาวเล็กน้อยบริเวณใบหน้า จมูกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมันตกใจ

          สุนัข พุดเดิ้ล แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
          1. พุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle) เป็นพุดเดิ้ลขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 12 นิ้ว หนักประมาณ 6 กิโลกรัม

          2. พุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) เป็นพุดเดิ้ลขนาดกลาง สูงประมาณ 11-15 นิ้ว หนักประมาณ 11 กิโลกรัม

          3. พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle) เป็นพุดเดิ้ลขนาดใหญ่ สูงประมาณ 18-22 นิ้ว หนักประมาณ 20 กิโลกรัม

          แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ของ พุดเดิ้ล ให้เล็กลงไปอีก จนได้ขนาด พุดเดิ้ล น้องใหม่ที่มีชื่อว่า พุดเดิ้ลทีคัพ (Tea-Cup Poodle) เป็นขนาดเล็กที่สุดในตระกูล พุดเดิ้ล จะมีส่วนสูงไม่เกิน 8 นิ้ว และน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-3.5 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ พุดเดิ้ลทีคัพ นี้แม้ยังไม่ได้รับการรับรองจากสถาบันสุนัขใดๆ แต่สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยง พุดเดิ้ล แล้วกลับตรงกันข้าม เพราะ พุดเดิ้ลทีคัพ กลายเป็นที่นิยมไปทั่วและเป็นที่ต้องการอย่างสูง แม้ว่าจะมีราคาค่าตัวที่แพงลิบลิ่ว

          อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ล ทั้งหลายที่กล่าวมาจะมีมาตรฐานสายพันธุ์ที่เหมือนกันหมด ทั้งสภาพขน สี นิสัยใจคอ และอื่นๆ จะต่างกันตรงที่ "น้ำหนัก" และ "ความสูง" เท่านั้น

          ถ้าพูดถึงเรื่องนิสัยใจคอของเจ้า พุดเดิ้ล ทุกขนาด จะเป็น สุนัข ที่น่าหยิกน่าหมั่นไส้ แสนประจบ ซน และขี้เล่น พุดเดิ้ล พันธุ์เล็กกับ พุดเดิ้ลทอย จะไม่ค่อยไว้ใจคนแปลกหน้า และมีความอดทนกับเด็กน้อยกว่าพันธุ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ล เป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งคุณก็ควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ข้อเสียของมันก็คือมันมีนิสัยชอบเห่า แต่คงเพราะตัวเล็กไปหน่อยจึงได้แต่เห่าอย่างเดียว ทำอะไรใครไม่ได้

 อาหารและการดูแล สุนัข พุดเดิ้ล

          อาหารการกินของ สุนัข พุดเดิ้ล ควรให้เป็นอาหารสำเร็จรูปจะดีที่สุด อาหารสำเร็จรูปนั้นมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ได้แก่ อาหารสูตรลูกสุนัข อาหารสูตรสุนัขโต และอาหารสูตรสุนัขแก่ การให้อาหารก็ควรให้ตรงตามอายุและสูตร เนื่องจากสุนัขในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ลูกสุนัข จำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนสูงกว่าสุนัขโต ในขณะที่ร่างกายของสุนัขโตจะต้องการอาหารประเภทพลังงานมากกว่าโปรตีน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณการให้อาหารก็ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะ พุดเดิ้ล จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กินไม่มาก

          นอกจากเรื่องของโภชนาการแล้ว การให้ อาหารสุนัข ยังควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ เจ้าของต้องคอยหมั่นดูแลภาชนะใส่อาหารและสถานที่กินให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่างๆ ที่พร้อมจะทำร้ายสุนัขของเรา ส่วนในด้านการดูแลความสะอาดของ พุดเดิ้ล จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องหู เพราะ พุดเดิ้ล มีใบหูที่ใหญ่ หนา ห้อยปรกลงมา จึงต้องหมั่นสำรวจดูใบหูบ่อยๆ แล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดให้หมดจด ซึ่งจะดีมากหากจะหยอดน้ำยาเช็ดหูเข้าไปก่อนประมาณ 5 นาทีเพื่อทำให้สิ่งสกปรกอ่อนตัว และง่ายในการเช็ดออกมา แต่ระวังอย่าแหย่สำลีลึกจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อหูชั้นในได้
          นอกจากนี้ ตาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่พบปัญหา พูเดิ้ล ส่วนใหญ่จะมีร่องน้ำตาที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คราบน้ำตาหรือสิ่งสกปรกไปหมักหมมได้ง่าย เจ้าของจึงควรคอยเช็ดทำความสะอาดให้ทุกวัน เพราะหากทิ้งไว้นานๆ คราบนั้นจะฝังแน่นอย่างถาวร เช็ดไม่ออก นอกจากนั้น ยังควรหมั่นตรวจดูดวงตาของ สุนัข พูเดิ้ล ด้วยว่ามีฝ้าขาวๆ หรือรอยขีดข่วน รอยแผลบ้างหรือไม่

 โรคและวิธีการป้องกัน
          โรคที่มักพบใน พุดเดิ้ล จะคล้ายๆ กับชิสุ คือเรื่องตา เนื่องจากเป็นน้องหมาตาโตแบ๊ว เหมือนๆ กันจึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดการระคายเคืองและเป็นโรคตาได้ง่าย แต่สำหรับ พูเดิ้ล แล้วสายพันธุ์ของเขามีที่มีปัจจัยโน้มนำที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจกได้มากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ เจ้าของสามารถสังเกตอาการป่วยของพูเดิ้ลเมื่อป่วยด้วยโรคตา สังเกตได้จากเริ่มตาแดง ตาฝ้า บางครั้งจะมีน้ำตาเอ่อ มีขี้ตามากผิดปกติ ชอบเกาตาหรือไถตากับพื้นหรือฝาผนัง ที่เห็นได้อย่างเด่นชัดสุด คือ การเดินชนของ เดินขึ้นบันไดลงบันไดไม่ค่อยถนัด หาชามข้าวไม่พบ เป็นต้น ซึ่งหากพบมีอาการเหล่านี้ควรนำมาพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคและได้รับการรักษาอย่างตรงจุด

          นอกจากโรคเกี่ยวกับตาแล้ว พุดเดิ้ล ยังมักจะมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจเป็นโรคประจำกายอีกหนึ่งโรค โรคหัวใจ มีสาเหตุมาจากความผิดปกติในโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจ หรือความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งอาการของ สุนัข ที่มีปัญหา โรคหัวใจ จะมีอาการซึมเศร้า  น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หรือกินอาหารได้น้อยลง ท้องกาง ไอแห้งๆ และมักไอเวลากลางคืน มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนแรง หายใจลำบาก เหงือกซีด  เป็นลมหมดสติ
          ทั้งนี้ สุนัข พุดเดิ้ล ที่เป็นโรคหัวใจ สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ แต่จะต้องดูแลเรื่องการให้ยาอย่างใกล้ชิด ควรงดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้สัตว์เหนื่อย เนื่องจากหัวใจต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญคือ ระวังในเรื่องการให้อาหารและน้ำที่มีส่วนผสมของเกลือ ต้องมีปริมาณเกลือต่ำ

          นอกจากโรคที่กล่าวมานี้ ยังมีโรคอื่นๆ ที่สามารถคุกคาม พุดเดิ้ล ตัวโปรดของคุณได้ การได้รับวัคซีนต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็นถือเป็นเรื่องสำคัญของ สุนัข ทุกพันธุ์ รวมทั้งอาหาร การเลี้ยงดู ความเอาใจใส่ รวมถึงสุขภาพจิต เหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ พูเดิ้ล ของคุณเป็นสุนัขที่ดีพร้อมทั้งร่างกายและอารมณ์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ส่งงานรายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน ชิ้นที่ 2

บทที่ 4
น.ส. สรัลรัตน์  ชาญณรงค์  ที่นั่ง C8 กลุ่ม 2
รหัสนิสิต 56010814143
คณะเทคโนโลยี สาขาวิชาสัตวศาสตร์(AS)

ข้อ1
 1. ตอบ ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ กล้องดิจิทัล กล้องถ่ายภาพโทรทัศน์
 2. ตอบ เครื่องพิม จอภาพ พลอตเตอร์
 3. ตอบ คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
 4. ตอบ โทรทัศน์ วิทยุ โทรเลข

ข้อ 2 ตาราง
8                  ซอฟต์แวร์ประยุกต์
3                  Information Technology
1                  คอมพิวเตอร์ในยุคระมวลผลข้อมูล
6                  เทคโลยีสารสนเทศประกอบด้วย
10                ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
7                  ชอฟต์แวร์ระบบ
9                  การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมิเดียที่ผู้เรียสามารถเรียนรู้ด้วตนเอง
5                  EDI
4                  การสื่อสารโทรคมนาคม

2                  บริการชำระภาษีออนไลน์

ส่งงานรายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน ชิ้นที่1

ชื่อ น.ส.สรัลรัตน์  ชาญณรงค์ ที่นั่ง C8 กลุ่ม 2
รหัสนิสิต 56010814143
คณะเทคโนโลยี สาขาวิชาสัตวศาสตร์(AS)

ข้อ1.ให้นิสิตหารายชื่อเว็ปไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
      1.1การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
http://www.eduzones.com/ข่าวการศึกษา
http://www.thaiebook.org/ศูนย์รวมอีบุ๊ค
http://www.studentloan.or.thเว็ปกองทุน กยศ
      1.2การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจพาณิชย์และสำนักงาน
http://www2.moc.go.thกระทรวงพาณิชย์
http://www.gpef.or.th/กองทุนสำหรับเลี้ยงชีพ
http://servicepoint.scb.co.thธนาคารไทยพาณิชย์
      1.3การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารวลชน
http://www.thairath.co.th/ไทยรัฐออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/เดลินิวส์
http://www.komchadluek.netคมชัดลึก
      1.4การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
http://www.industry.go.thกระทรวงอุตสาหกรรม
http://www.dip.go.th/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
http://www.diw.go.thกรมโรงงานอุตสาหกรรม
      1.5การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
http://www.samunpri.com/สมุนไพร
http://www.bangkokhospital.com/โรงพยาบาลกรุงเทพ
http://health.kapook.com/อาหารเพื่อสุขภาพ
      1.6การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
http://hopes.glo.or.thสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
http://www.rpcafamily.com/โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
http://www.greatcadettutor.com/สถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร
      1.7การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
http://www.coe.or.thสภาวิศวกร
http://www.ceat.or.thสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแหงประเทศไทย
http://www.civilclub.net/วิศวกรมโยธา
      1.8การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านการเกษตรกรรม
http://www.thaigreenagro.comชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
http://www.moac.go.thกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
http://www.farmkaset.orgจำหน่ายปุ๋ยออนไลน์
      1.9การปรยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกียวข้องกับคนพิการต่างๆ
http://www.healthyability.com/สถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ
http://www.blind.or.th/มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย
http://www.apht-th.org/สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย
ข้อ2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่านมีอะไรบ้างบอก      มา3อย่าง
http://www.techno.msu.ac.th/เว็ปคณะเทคโนโลยี
http://www.msu.ac.th/เว็ปมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
http://reg.msu.ac.thเว็ปลงทะเบียน มมส
ข้อ3. จากข้อ2จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองอย่างไรบ้าง
     =ใช้ในการเรียนรู้ข่าวสารของมหาวิทยาลัยประกาศต่างๆของมหาวิทยาลัย
        ใช้ในการลงทะเบียนเพิ่มถอนรายวิชาที่เราต้องการ สามารถตรวจสอบเกรด ตารางเรียน ผลการเรียนตารางสอบได้

       รู้เรื่องราวเกี่ยวกับคณะไม่ว่าจะเป็นประกาศ กยศ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆของคณะ